
ซื้อน้ำมันเครื่องยนต์ ควรตรวจสอบจากอะไรบ้าง?
1. เกรดน้ำมัน :
โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ เรียงตามเกรดลงมา คือ
- FULLY SYNTHETIC = น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้
- SEMI SYNTHETIC = น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์
- ENGINE OIL = น้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพ
2. ค่าความหนืด :
ในการเลือกความหนืดของน้ำมันเครื่อง คือความเหมาะสมกับสภาพของเครื่องยนต์และลักษณะการใช้งาน เช่น หากเป็นรถใหม่ วิ่งในเมือง ไม่ได้วิ่งยาวไกลสมบุกสมบันมาก ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดใส (เบอร์น้อย) หรือใช้ค่าความหนืดตามผู้ผลิตรถกำหนด(คู่มือรถ) จะช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
เช่น SAE 0W-20, 10W-30 เป็นต้น (ใช้ไม่เกินเบอร์ 30 จะช่วยเรื่องประหยัดน้ำมัน)
แต่หากรถของท่านเป็นรถเก่า เริ่มหลวม มีอาการกินน้ำมันเครื่อง หรือเป็นรถรอบจัด
ใช้งานหนัก วิ่งไกล วิ่งเร็ว อยู่กับความร้อนสูง ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์
ความหนืดที่มากขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาการกินน้ำมันเครื่อง เช่น SAE 15W-40 ไปจนถึง 20W-50 เป็นต้น
3. มาตรฐาน API :
API เป็นมาตรฐานมาจากทางอเมริกาที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
โดยแบ่งประเภทดังนี้
S สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
C สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
และจะมีเฉพาะตัวอักษรตัวท้ายสุดตัวเดียวเท่านั้น
ที่เปลี่ยนแปลง ไล่ตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ
ยิ่งไกลจากตัว A เท่าไรแสดงว่า เป็นเกรดคุณภาพสูงขึ้น
ปัจจุบันสูงสุดคือ API-SP (เบนซิน) และ API-CK4 (ดีเซล)
นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานอื่น ๆ เช่นจากฝั่งยุโรป คือ ACEA สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ
และมาตรฐานญี่ปุ่น JASO สำหรับรถมอเตอร์ไซค์
4. ประเภทน้ำมัน :
ควรเลือกประเภทน้ำมันให้เหมาะสมตามเครื่องยนต์ เช่น ดีเซล หรือ เบนซิน
เพื่อการถนอมเครื่องยนต์และประสิทธิภาพในการใช้งาน ทั้งนี้ควรตรวจสอบฉลาก
ด้านหลังเพื่อดูความเหมาะสมสำหรับรุ่นรถหรือการรองรับการใช้งานของรถประเภทไหนบ้าง

เวลลอย "ลื่นเหลือล้น ทนเหลือหลาย"
ติดต่อหรือสั่งซื้อได้ที่ : ตัวแทนจำหน่ายเวลลอยทั่วประเทศ
เบอร์ติดต่อสำนักงาน โทร. 02-289-9789